Lady Gaga กับเส้นทางชีวิตที่เป็นไมเกรนตั้งแต่อายุ 14

Lady Gaga กับเส้นทางชีวิตที่เป็นไมเกรนตั้งแต่อายุ 14

Lady Gaga กับเส้นทางชีวิตที่เป็นไมเกรนตั้งแต่อายุ 14

 

”I was so glad I found relief. I wondered if other people could have the same experience I have. I’m so grateful to my family, friends, and fans for going on this journey with me throughout the years so I can share my story and hopefully it will help more people find the relief they need.”

Lady Gaga 

 

“ฉันรู้สึกดีใจมากที่ฉันได้พบกับหนทางที่จะช่วยให้ประสบการณ์ไมเกรนของฉันที่เป็นอยู่ดีขึ้น ฉันรู้สึกขอบคุณครอบครัว เพื่อน และแฟนๆ ของฉันที่ได้ร่วมเดินทางมาด้วยกันตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพื่อที่ฉันจะได้แบ่งปันเรื่องราว ประสบการณ์ของฉันให้แก่ผู้คน และหวังอย่างยิ่งว่าสิ่งนี้จะช่วยให้คนอื่น ๆ พบกับความสุข ความแฮปปี้ อย่างที่พวกเขาต้องการเช่นกัน”

เลดี้ กาก้า

 

จาก Speech ของเลดี้ ก้าก้า หรือชื่อจริง Stefani Joanne Angelina Germanotta นักร้อง นักแต่งเพลง ชาวอเมริกัน ที่มีชื่อเสียงระดับโลก หลายคนรู้จักเธอด้วยผลงานเพลง Poker Face" และ "Bad Romance" โดยความสำเร็จของเธอนั้น การันตรีด้วยรางวัลมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Academy Award, Gloden Globe และ Grammy นอกจากงานในวงการบันเทิงแล้ว เธอยังมีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อสังคมและการกุศลมากมาย

 

แต่ภายใต้เบื้องหลังความสำเร็จของผลงานเพลงของเธอนี้ เลดี้ กาก้าได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นไมเกรนเมื่ออายุ 14 ปี เธอกล่าวว่าอาการไมเกรนของเธอจะเกิดขึ้นประมาณเดือนละครั้งในช่วงแรก แต่เมื่อเธออายุ 25 ปี เธอกลับมีอาการร่วมอื่นๆ พร้อมๆ กับการเกิดไมเกรน ตอนนั้นทำให้เธอทำงานแทบไม่ได้เลย

 

“ประสบการณ์ไมเกรนของฉัน ไมเกรนทำร่างกายฉันอ่อนแอลง ฉันจะต้องนอนบนเตียงเป็นเวลาหลายวัน ที่มีทั้งอาการปวดศีรษะ ปวดเบ้าตา ร้าวไปทั่วใบหน้า” เลดี กาก้า กล่าว 

 

นอกจากนี้เธอยังกล่าวเสริมอีกว่า “ฉันไม่สามารถเปิดไฟในห้องเพื่ออ่านหนังสือได้เลย ฉันทำได้เพียงอยู่ลำพังในห้องที่เงียบสงบเป็นเวลาหลายชั่วโมง จนบางทีอาจกินเวลาต่อเนื่องไปหลายวัน จนกว่าความเจ็บปวดนี้จะลดลง”

 

“เมื่อเวลาผ่านไป อาการร่วมที่ฉันประสบมาเริ่มดีขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่แทบไม่ดีขึ้นเลย คือ ไมเกรน ฉันพบว่าอาการไมเกรนของฉันมันทำให้ฉันเกิดความเครียด และยิ่งมีความเครียดทุกอย่างก็ดูแย่ลงสำหรับฉัน ฉันพบว่าฉันตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวไมเกรนในหลายวันต่อสัปดาห์ มันเป็นวงจรที่ไม่มีวันสิ้นสุด และฉันก็ไม่รู้ว่ามันจะไปจบที่ตรง ฉันไม่สามารถบอกได้เลยว่าฉันไปพบแพทย์มาแล้วกี่ครั้ง”

 

แต่หลังจากที่เธอได้ทดลองใช้ยารักษาไมเกรน Rimegepant และพบว่ามันช่วยให้อาการไมเกรนของเธอดีขึ้น โดยที่เธอไม่จำเป็นต้องใช้ยาเสพติดหรือยาแก้ปวดที่อันตราย เธอจึงรู้สึกขอบคุณ ครอบครับ เพื่อน และแฟนคลับของเธอที่ช่วยสนับสนุนเธอเรื่อยมา และหวังว่าประสบการณ์ที่เธอได้ถ่ายทอดในครั้งนี้จะช่วยให้ชาวไมเกรน หรือคนที่ประสบปัญหาเดียวกับเธอได้รู้สึกมีความหวัง และอาการดีขึ้นเช่นเดียวกับเธอ

 

โดยเธอยังกล่าวเสริมอีกว่า “ครั้งแรกที่ฉันได้ลองใช้ยา Rimegepant ฉันจำได้ว่า ฉันคิดว่าทำไมเราไม่เจอกันให้เร็วกว่านี้ อาการไมเกรนของฉันดีขึ้น ซึ่งฉันก็ไม่มั่นใจนะว่าคนอื่นที่ได้ลองจะมีประสบการณ์เดียวกันกับฉันหรือเปล่า แต่ฉันรู้สึกขอบคุณคนรอบข้างที่ยังคอยสนับสนุนฉัน ขอบคุณทีมพัฒนาที่ช่วยทำให้เกิดสิ่งนี้ขึ้นมา ฉันดีใจมาก ที่สามารถใช้ชีวิตได้โดยไม่มีอาการปวดหรือต้องเพิ่งพาสิ่งอื่นที่อาจเป็นอันตรายให้ร่างกายฉันในอนาคตอีก” - Lady Gaga

 

ดังนั้น จะเห็นได้ว่า “ไมเกรน” ที่ทำให้แม้แต่เลดี้ กาก้า ซึ่งเป็นศิลปินระดับโลกที่ประสบความสำเร็จสูงสุด ต่างก็ผ่านการรับมือกับอาการไมเกรนเช่นเดียวกับเราๆ ชาวไมเกรน การเดินทางของเธอเต็มไปด้วยความท้าทายและความเจ็บปวด แต่เธอไม่ยอมแพ้ และได้พบวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับเธอเอง

ซึ่ง เลดี้ กาก้าแสดงให้เห็นว่าการที่เราต่อสู้กับอาการปวดไมเกรนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ความหวังและการสนับสนุนจากครอบครัว เพื่อน และแฟนคลับรอบตัวเธอ สามารถทำให้เธอผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากได้

 

สำหรับครที่กำลังเผชิญกับอาการไมเกรน คำแนะนำจากเลดี้ กาก้า สไมล์ว่า เป็นกำลังใจที่ดีให้เราไม่ยอมแพ้ในการหาทางออกในการรักษาที่เหมาะสมกับเรา แต่อย่าลืมว่า ความหวังและความเชื่อมั่นในอนาคตที่ดีขึ้นยังคงอยู่เสมอ สู้ๆ แล้วเราจะเจอทางรักษาของเราที่เหมาะสมและที่ดีที่สุดสำหรับตัวเราเองเช่นเดียวกับเลดี้ กาก้า

จากบทเรียนของเธอ เราสามารถเรียนรู้ว่า ไม่มีความเจ็บปวดหรือปัญหาใดที่ไม่มีทางออก ขอให้ทุกคนมีความหวังและก้าวต่อไปในการหาทางรักษาที่เหมาะสม เพื่อให้ชีวิตกลับมามีความสุขและยิ้มได้เช่นเดิมอีกครั้ง

.

Smile again, Pain away

, Smile Migraine Team

จองคิวตรวจรักษา ที่ แอปฯ Smile Migraine : https://onelink.to/fq5kra
หรือปรึกษาผ่าน LINE Add : @sm-clinic (มี @ ข้างหน้า)


 

กลับไปยังบล็อก

บทความอื่นที่คุณอาจสนใจ