จริงๆ แล้วเราอาจเคยได้ยิน ได้ฟังกันมาบ้างว่า หลังทานอาหารกลางวันเสร็จ แล้วให้ร่างกายให้งีบสักแป๊บ หลังตื่นมาจะทำให้ร่างกายเฟรชขึ้น สดชื่นขึ้น พร้อมรับกับการทำงานในช่วงบ่าย
สำหรับคนที่เป็นไมเกรน มีหลายคนทีเดียวที่ หลังนอนกลางวันปุ๊บ ไมเกรนถามหาแน่ๆ เลย แทนที่จะทำให้ร่างกายเฟรช กลับทำให้ปวดหัวหนักกว่าเดิม
.
จากการศึกษาของ National Sleep Foundation พบว่า ผู้คนที่มีความผิดปกติของการนอนหลับ จะทำให้เกิดอาการปวดหัวบ่อยกว่าคนทั่วไป 2-8 เท่า
มีทั้งหมด 4 สาเหตุ
1.นอนกรน
ซึ่งสาเหตุนี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทั้งการงีบตอนกลางวัน หรือการนอนหลับในตอนกลางคืน เนื่องมาจากคนที่มีภาวะนอนกรน ระบบทางเดินหายใจส่วนบนตีบแคบลงขณะนอนหลับ โดยตำแหน่งอาจจะเป็นตั้งแต่จมูก คอหอย โคนลิ้น หรือกล่องเสียงบางส่วน ซึ่งเสียงที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากลมหายใจที่ผ่านบริเวณที่ตีบแคบ เกิดการเสียดสีและสั่นสะเทือนจนเกิดเป็นเสียงกรน รวมถึงอากาศหรือออกซิเจนที่ผ่านเข้าสู่ร่างกายไม่เพียงพอ ทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้น้อย เกิดเป็นอาการปวดหัวขึ้นได้
.
ทั้งนี้คนที่มีภาวะนอนกรน มักจะมีภาวะแทรกซ้อนได้ อย่างภาวะหยุดหายใจระหว่างนอนหลับ (Sleep apnea) ซึ่งโรคนี้ควรระมัดระวังและสังเกตุให้ดีหากเป็นน้อยควรใช้การปรับพฤติกรรม แต่หากเป็นรุนแรงอาจจะต้องพบแพทย์เพื่อทำการรักษา เพราะนอกจากจะส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวหลังตื่นนอนแล้ว คุณภาพการนอนที่แย่ลง อาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
.
2.นอนกัดฟัน
พฤติกรรมการนอนกัดฟัน มักเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นไม่รู้ตัว ซึ่งพฤติกรรมนอนกัดฟันนี้ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่ามันเชื่อมโยงทำให้เกิดอาการปวดหัวได้ เนื่องมาจากระหว่างนอนแล้วกัดฟัน จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณกรามทำงานอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา เกิดความเมื่อล้าและเป็นที่มาของอาการปวดได้ โดยคนที่มักจะมีอาการปวดหัวได้ง่ายอย่างชาวไมเกรนเพียงอาการปวดที่เกิดขึ้นจากบริเวณกล้ามเนื้อกราม ระบบประสาทที่รับรู้เรื่องความเจ็บปวดจะมีการตอบสนองและส่งสัญญาณอาการปวดขึ้นไปบริเวณสมองให้เกิดการหลังสารเคมีที่ทำให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรน
.
3.คุณภาพการนอนไม่ดี
สำหรับคุณภาพการนอนนี้จะมีองค์ประกอบหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น
- หมอนที่ใช้ในการนอน พอดีกับการนอนหรือไม่ ไม่ต่ำหรือสูงไปที่จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า ไหล่ เกิดการเกร็งตัวจนเกิดกล้ามเนื้อตึงเป็นจุดกดเจ็บทำให้เป็นสาเหตุของอาการปวดหัวได้
- สถานที่นอนควรมีความสงบ อากาศถ่ายเท ไม่มีเสียงดังรบกวน หรือมีแสงจ้ามากเกินไป เพราะหากเรานอนในที่ที่อากาศถ่ายเทไม่ดี ออกซิเจนน้อย เสียงดังรบกวน ส่งผลต่อคุณภาพการนอนที่ไม่ดี หลับไม่สนิท หลังตื่นนอนก็อาจทำให้ปวดหัวได้เช่นกัน
- ระยะเวลาการนอน การงีบระหว่างตอนกลางวันควรงีบที่ประมาณ 30 นาท - 1 ชั่วโมงพอ และไม่ควรงีบหลังบ่าย 3 โมง เพราะการงีบหลังบ่าย 3 โมงเป็นต้นไปจะทำให้ไปรบกวนวงจรการนอนของคุณในช่วงกลางคืนได้
.
4.อาหารหรือเครื่องดื่มที่ทานก่อนนอน
อาหารหรือเครื่องดื่ม จำพวกที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน หรือแอลกอฮอล์ ที่เราอาจเผลอทานก่อนงีบกลางวัน ตอนตื่นมาก็อาจจะทำให้ปวดหัวได้เช่นกัน เพราะในคาเฟอีนจะมีสารที่กระตุ้นให้สมองและระบบประสาทเกิดการตื่นตัวแทน รบกวนกระบวนการนอนหลับ หรือตัวแอลกอฮอล์เอง แม้จะทำให้ง่วงในช่วงแรกเพราะมีฤทธิ์กล่อมประสาท แต่แอลกอฮอล์จะไปรบกวนโครงสร้างการนอนหลับ ทำให้คุณภาพนอนไม่ดี และทำให้ปวดหัวได้นั้นเอง
.
วิธีป้องกัน
- งีบหลับกลางวันให้เป็นเวลา : ไมเกรนจะไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีกิจวัตรประจำวันที่เหมือนๆ กันในแต่ละวัน และอยากได้พลังงานที่สดชื่นหลังกับข้าวมื้อเทียง การกำหนดเวลางีบกลางวันให้เป็นเวลาเดียวกันในทุกวัน แม้จะในวันหยุด ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยหยุดไมเกรนของคุณได้
- ปรับสภาพแวดล้อมการนอนกลางวันให้เหมาะสม : ควรเป็นพื่นที่เย็นสบาย สงบ ไม่เสียงดัง และมืดพอควร
- หลีกเลี่ยงการทานอาหาร เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน หรือแอลกอฮอล์ ก่อนการงีบกลางวันของคุณ เพื่อให้คุณภาพการนอนกลางวันของคุณได้พลังในการทำงานช่วงบ่ายอย่างเต็มที่
- จัดการกับความเครียด เทคนิคเช่นการทำสมาธิ การหายใจลึก ๆ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอสามารถช่วยลดระดับความเครียดได้นะ