ยาแก้ปวด เป็นยาที่หลายๆ คนและหลายๆ บ้าน ต้องมีอย่างแน่นอน เพราะมันเป็นสามัญประจำบ้าน กินปุ้บหายปวดปั้บ
.
แต่การใช้ยาแก้ปวด ไม่ใช่ว่าเราจะกินไปเรื่อย พร่ำเพรื่อตามใจ เพราะบางครั้ง มันอาจะเกิดผลกระทบต่อชีวิตเราได้เช่นกัน
.
ยาแก้ปวดแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
- ยาแก้ปวดทั่วไป ได้แก่ ยา acetaminophen, ยากลุ่มต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ได้แก่ แอสไพริน (aspirin), ไอบูโพรเฟน (ibuprofen), นาพรอกเซน (naproxen), ไดโคฟีแนคโพแทสเซียม (diclofenac potassium) และ ยาแก้ปวดกลุ่มโอปิออยด์ (opioids)
.
- ยาแก้ปวดจำเพาะไมเกรน ได้แก่ ยาเออร์โกตามีน (ergotamine) และยากลุ่มทริปแทน (triptan) ซึ่งในประเทศไทยมี 2 ชนิด ได้แก่ ซูมาทริปแทน (sumatriptan) และ อีลิทริปแทน (eletriptan) เป็นชนิดรับประทาน
.
- ยาแก้ปวดกลุ่มอื่นๆ ได้แก่ ยากลุ่มสเตียรอยด์ (steroid) ตัวอย่างยาเช่น เพรดนิโซโลน (prednisolone)
.
การเลือกใช้ยาแก้ปวด ใครบ้างที่ควรระวังเป็นพิเศษ ?!
✅ หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
✅ มีประวัติการแพ้ยา
✅ มีโรคประจำตัว : โรคตับ โรคไต โรคหัวใจ
✅ มีประวัติความดันโลหิตสูง
✅ มีประวัติเป็นแผลในกระเพาะอาหาร
✅ อายุต่ำกว่า 16 ปี หรือมากกว่า 65 ปี
.
จุดประสงค์ของการใช้ยาแก้ปวด นั่นก็คือ เราอยากให้อาการปวดศีรษะหายไป ทุเลาอาการที่เกิดขึ้นได้มากที่สุด และกลับมาทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
.
แต่ชาวไมเกรนหลายๆ คน คงจะเคยได้ยินกันมาว่า การใช้ยาแก้ปวดบ่อยๆ ถี่ๆ
หรือใช้ต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลานาน สามารถทำให้เกิดผลเสีย ผลข้างเคียงต่อร่างกายได้
.
ความถี่ในที่นี้ หมายความว่า ผู้ป่วยคนนั้น เริ่มทานยาแก้ปวดด้วยความถี่
ที่มากกว่า 2 วันต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 10 วันต่อเดือน
.
กินยาแก้ปวดบ่อย เสี่ยงเกิดอะไรกับร่างกายของเราบ้าง?
✅ เสี่ยงเกิดภาวะติดยาแก้ปวด (Medication overuse headache: MOH) ทำให้มีอาการปวดหัวซ้ำๆ ในทุกๆ วัน และไม่ค่อยตอบสนองต่อการทานยาแก้ปวด
✅ ในคนที่ทานยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs หรือยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ ตัวยาเช่น Naproxen (นาพรอกเซน), Ibuprofen (ไอบูโพรเฟน) อาจเกิดกระเพาะอาหารเป็นแผล
✅ โรคกรดไหลย้อน
✅ ความดันโลหิตสูงขึ้น อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ โดยเฉพาะในยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs สามารถกระตุ้นให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้ถึง 32% เนื่องมาจากตัวยาสามารถทำให้เกิดการคั่งของน้ำในร่างกาย
✅ ค่าไตสูง ไตทำงานหนัก ไตวาย เพราะตัวยาแก้ปวด อาจทำให้เกิด ภาวะบวมน้ำ โพแทสเซียมในเลือดสูงได้
✅ มีผลทางด้านอารมณ์ เช่น อารมณ์แปรปรวน ซึมเศร้า วิตกกังวล
.
และกรณีที่ผู้ป่วยคนนั้น ทานยาแก้ปวดในกลุ่มจำเพาะกับไมเกรนบ่อย ที่ชื่อ เออร์โกตามีน (ergotamine) ตัวยาเช่น Tofago, Cafergot, Avamigran, Migana
.
ซึ่งตัวยา มีหน้าที่ทำให้หลอดเลือดที่ขยายตัวผิดปกติเกิดการหดตัวลงและทำให้อาการปวดศีรษะหายไปในที่สุด
.
ผู้ป่วยที่ใช้ยาแก้ปวดในกลุ่มนี้บ่อย พึงระมัดระวังอีกหนึ่งภาวะที่สามารถเกิดขึ้นได้ เราเรียกว่า ภาวะ ergotism
.
ภาวะ ergotism คือภาวะที่จะทำให้การไหลเวียนเลือดส่วนปลายของเราลดลง
เนื่องจากตัวยาจะทำให้หลอดเลือดเกิดการหดตัวค้างไว้
.
ซึ่งสาเหตุดังกล่าว จะนำไปสู่อาการชาที่ปลายมือ ปลายเท้า และอาจมีภาวะเนื้อตายตามมาในที่สุด อุบัติการณ์นี้ เกิดได้ประมาณ 0.001-0.002% ถือว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างต่ำ แต่สามารถเกิดได้
.
เพราะฉะนั้น การพิจารณาใช้ยาแก้ปวด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มยาแก้ปวดทั่วไป กลุ่มยาแก้ปวดจำเพาะกับไมเกรน และยาแก้ปวดกลุ่มอื่นๆ ควรที่จะได้รับการแนะนำจากแพทย์ก่อนใช้ตัวยาทุกครั้ง
.
และตัวผู้ป่วยเองควรจะทราบ ผลข้างเคียงของตัวยาทั้งระยะสั้นและระยะยาว รวมไปถึงปริมาณการใช้ยาที่เหมาะสมในแต่ละครั้ง เพื่อที่จะลดโอกาสการเกิดผลเสียต่อร่างกาย และทำให้เกิดประสิทธิภาพการรักษาสูงที่สุด
แหล่งที่มา :
https://www.versusarthritis.org/about-arthritis/treatments/drugs/painkillers-and-nsaids/