นอนไม่ดี เสี่ยงปวดหัว?!

นอนไม่ดี เสี่ยงปวดหัว?!

ชาวไมเกรนหลายคนคงจะเอาใจเจ้าไมเกรนกันไม่ถูกเลยทีเดียว 

นอนมากไปก็กระตุ้น นอนน้อยไปก็กระตุ้นไมเกรน 

.

มีงานวิจัยได้ออกมาพูดว่า การนอนสามารถเป็นทั้งตัวกระตุ้นและตัวลดอาการปวดศีรษะได้ทั้งคู่

ทีมสไมล์ ไมเกรน จะพาชาวไมเกรนมาดูกันว่า โรคนอนไม่หลับที่ส่งผลให้เกิดอาการปวดศีรษะได้เพิ่มมากขึ้น มีอะไรกันบ้าง?

.

1. โรคนอนไม่หลับ (Insomnia)

ปัญหาการนอนหลับนี้ มีผลกระทบต่อโรคปวดศีรษะไมเกรน เป็นอันดับต้นๆ

โดยมีงานวิจัยได้บอกว่า มากกว่า 2 ใน 3 ของชาวไมเกรน มักมีโรคนอนไม่หลับเป็นโรคร่วม

.

โดยปกติแล้ว วงจรการนอน จะมี 2 ช่วง ได้แก่ 

  • ช่วงหลับธรรมดา (Non-Rapid Eye Movement Sleep: Non-REM Sleep) 
  • ช่วงหลับฝัน (Rapid Eye Movement Sleep: REM Sleep)

ซึ่งในช่วง REM sleep จะส่งผลต่อการเรียนรู้ ความจำ อารมณ์ร่วมด้วย

มีงานวิจัยในต่างประเทศได้บอกไว้ว่า การที่คนเราขาดการนอนในช่วง REM จะทำให้ร่างกายเกิดการสร้างโปรตีนเพิ่มมากขึ้น และสามารถเป็นตัวกระตุ้นไมเกรนได้

.

ซึ่งจะกินเวลาประมาณ 90 นาที ต่อ  1 รอบ วงจรการนอนที่ดีต้องประกอบไปด้วยประมาณ 3-6 รอบ 

.

มีนักวิจัยจาก  Missouri State University ได้ทำการวิจัยเรื่องการนอนหลับในหนู พบว่า ถ้าวงจรการนอนไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้การเพิ่มระดับของโปรตีนที่สามารถทำให้เกิดอาการปวดศีรษะและอาการปวดศีรษะเรื้อรังตามมาได้

.

2. ภาวะนอนกรน (Snoring)

ภาวะนอนกรน เกิดจาก 3 สาเหตุหลักๆ

  •  ระบบทางเดินหายใจส่วนบนตีบแคบ 

เมื่อเรานอนหลับ กล้ามเนื้อต่างๆในช่องปากของเราจะผ่อยคลายและปิดกั้นทางเดินหายใจ ทำให้เกิดเป็นเสียงกรนขึ้น

  •  ภาวะอ้วน 

เนื่องมาจากในคนอ้วนจะมีโครงสร้างคางที่สั้น ทำให้ทางเดินหายใจส่วนต้นบริเวณโคนลิ้นและเพดานปาก หย่อนลง จึงตกลงไปปิดทางเดินหายใจได้

  •  ท่านอนหงายราบ 

ทำให้ผลจากแรงโน้มถ่วง ส่งผลให้ทางเดินหายใจเกิดการตีบแคบ

.

ภาวะนอนกรน สามารถทำให้สมองของเราได้รับ oxygen ที่ไม่เพียงพอและสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะไมเกรนได้

.

ซึ่งภาวะนอนกรน มักจะสัมพันธ์กับภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea : OSA) เกิดจากการตีบแคบของทางเดินหายใจส่วนต้น อันเนื่องมาจากกล้ามเนื้อในช่องคอ ลิ้น

.

ทำให้อากาศไม่สามารถลอดผ่านได้สะดวก ส่งผลให้ร่างกายได้รับออกซิเจนน้อยลงได้เช่นกัน

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ มักพบได้บ่อยในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง 

  • ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิด OSA ได้มากขึ้น ได้แก่
  • อายุ
  • น้ำหนักเกิน
  • สรีระของคอและโครงสร้างใบหน้า
  • มีประวัติโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง
  • การสูบบุหรี่
  • ดื่มแอลกอฮอล์
  • การทานยานอนหลับ

.

3. นอนกัดฟัน (Bruxism)

ภาวะเครียดหรือความกังวลที่เกิดการสะสมในแต่ละวัน สามารถทำให้เกิดอาการนอนกัดฟัน ในช่วงที่นอนหลับได้ ตื่นมาชาวไมเกรนอาจจะเกิดอาการปวดบริเวณขากรรไกรและขมับร่วมด้วยได้

.

4. โรคขาอยู่ไม่สุข ยุกยิกกลางคืน (Restless Leg Syndrome)

เป็นกลุ่มอาการที่สามารถพบได้ในทุกช่วงวัย ในบางรายจะรู้สึกว่ามีอะไรไต่ขาเมื่อนอนหลับ หรือในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงอาจเตะหรือสะบัดขาอย่างแรงระหว่างที่นอนหลับอยู่ 

.

ซึ่งอาจส่งผลให้การนอนหลับไม่ต่อเนื่อง และรู้สึกอ่อนเพลียในวันรุ่งขึ้น

และจากการสำรวจโดย American Headache Society พบว่า โรคขาอยู่ไม่สุข ยุกยิกกลางคืน พบได้ถึง 40% ในชาวไมเกรนเชียวนะ

.

จากกลุ่มอาการทางด้านบน สามารถทำให้เกิดอาการปวดศีรษะไมเกรนหลังตื่นนอนได้ เราเรียกอาการปวดศีรษะนี้ว่า “Early morning headache”

.

อาการนี้พบในชาวไมเกรนได้มากถึง 1 ใน 3

และมักจะพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยช่วงอายุที่มากที่สุดจะอยู่ที่ 45-64 ปี

.

ชาวไมเกรนที่รู้ตัวว่ามีปัญหาเกี่ยวกับการนอนไม่หลับร่วมด้วย ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้หรือละเลย 

ควรที่จะปรึกษากับแพทย์เฉพาะทาง และพิจารณาตรวจประเมินการนอนหลับ (Sleep test)

.

เพราะการนอนหลับที่ไม่มีคุณภาพ สามารถส่งผลต่อสภาพจิตใจและภาวะทางอารมณ์ได้

.

นักวิจัยของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย พบว่า กลุ่มคนที่ได้นอนหลับเพียง 4.5 ชั่วโมงต่อคืน ติดต่อกันเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เกิดความรู้สึกเครียดง่าย ฉุนเฉียว และเศร้า มีสภาวะทางอารมณ์ทางลบมากขึ้น และเมื่อกลับมานอนหลับตามปกติ กลับพบว่าสภาวะอารมณ์ค่อยๆ ดีขึ้นอย่างมาก

แหล่งอ้างอิง :

https://americanmigrainefoundation.org/resource-library/sleep/

https://www.petcharavejhospital.com/th/Article/article_detail/Bruxism

กลับไปยังบล็อก

แสดงความคิดเห็น

โปรดทราบว่าความคิดเห็นจะต้องได้รับการอนุมัติก่อนที่จะได้รับการเผยแพร่