Khloé Kardashian กับเส้นทางการต่อสู้ไมเกรนกว่า 20 ปี
ไมเกรน (Migraine) ไม่ใช่แค่ "อาการปวดหัว" ธรรมดา แต่คือภาวะทางระบบประสาทที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีแนวโน้มเป็นมากกว่าผู้ชายถึง 3 เท่า
หนึ่งในผู้ที่เปิดเผยประสบการณ์การใช้ชีวิตกับไมเกรนคือ Khloé Kardashian คนดังระดับโลกที่ต้องเผชิญกับไมเกรนตั้งแต่สมัยเรียนประถม และใช้เวลากว่า 20 ปี ในการหาทางบรรเทาอาการเรื้อรังที่รุนแรงถึงขั้นต้องยกเลิกงานหรือถ่ายรายการบ่อยครั้ง
“When I get a migraine, I just have to lie still in a dark room. It makes me feel isolated and completely out of control.”
เวลามีไมเกรน ฉันแค่ต้องนอนนิ่ง ๆ อยู่ในที่มืด มันทำให้ฉันรู้สึกโดดเดี่ยวและควบคุมอะไรไม่ได้เลย — Khloé Kardashian
อาการไมเกรนที่กำเริบบ่อยครั้ง ทำให้ Khloé รู้สึกเหมือนชีวิตถูกจำกัด ทั้งบทบาทความเป็นแม่ คนทำงาน และผู้หญิงคนหนึ่งที่อยากใช้ชีวิตอย่างปกติ เธอเล่าว่าการมีไมเกรนทำให้เธอต้องหาทางรักษาหลายรูปแบบ ทั้งวิธีทางธรรมชาติ การใช้ยา ไปจนถึงปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอย่างต่อเนื่อง
จุดเปลี่ยนจากประสบการณ์ตรง: เมื่อ Khloé พบทางออกจากไมเกรน
หลังจากลองวิธีรักษาหลายแบบโดยไม่เห็นผลชัดเจน Khloé ได้เริ่มใช้ยา Nurtec ODT (Rimegepant) ซึ่งเป็น ยาเม็ดละลายใต้ลิ้น ที่ออกฤทธิ์เร็วและไม่ต้องใช้น้ำดื่มช่วยกลืน
“Nurtec ODT helps me get back to being a mom, being at work, and being present for the people I love.”
ยา Nurtec ODT ช่วยให้ฉันกลับไปทำหน้าที่แม่ ทำงาน และมีเวลาให้กับคนที่ฉันรักได้อีกครั้ง — Khloé Kardashian
ยานี้กลายเป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เธอกลับมาควบคุมชีวิตได้อีกครั้ง และไม่ต้องปล่อยให้ไมเกรนเป็นฝ่ายชนะ
Rimegepant คืออะไร ทำไมถึงช่วย Khloé ได้?
Rimegepant คือยาในกลุ่ม CGRP receptor antagonist ซึ่งยับยั้งการทำงานของสารสื่อประสาท CGRP ที่กระตุ้นหลอดเลือดในสมองให้ขยายตัวและส่งสัญญาณปวดหัว ยานี้จึงช่วยลดความไวของเส้นประสาทและอาการปวดจากไมเกรนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่กระทบต่อหลอดเลือดเหมือนทริปแทน
คุณสมบัติเด่นของ Rimegepant:
คุณสมบัติ | รายละเอียด |
---|---|
ออกฤทธิ์เร็ว | บรรเทาอาการไมเกรนได้ภายใน 1 ชั่วโมง |
ผลลัพธ์ยาวนาน | ออกฤทธิ์ได้นานสูงสุด 48 ชั่วโมง |
ใช้งานง่าย | เป็นเม็ดที่ละลายใต้ลิ้นโดยไม่ต้องดื่มน้ำ |
ได้รับการรับรองจาก US FDA | เป็นยาในกลุ่ม CGRP receptor antagonist |
ใช้ได้ทั้งแบบเฉียบพลันและป้องกัน | ครอบคลุมทั้งการรักษาและป้องกันไมเกรน |
สิ่งที่ควรรู้หากคุณสนใจ Rimegepant
แม้ Rimegepant จะเป็นตัวเลือกที่มีประสิทธิภาพและได้รับการยอมรับจากทั้งผู้ใช้และวงการแพทย์ แต่ก็ยังมีข้อควรระวังและผลข้างเคียงที่ควรพิจารณาก่อนใช้งาน
ผลข้างเคียงที่อาจพบ:
อาการที่รายงานบ่อย ได้แก่ คลื่นไส้ อาหารไม่ย่อย ปวดท้องเล็กน้อย หรือรู้สึกไม่สบายในระบบทางเดินอาหาร โดยทั่วไปอาการเหล่านี้มักเป็นเพียงชั่วคราวและสามารถหายได้เอง
ข้อควรระวัง:
- หลีกเลี่ยงการใช้ในผู้ที่มีประวัติแพ้ Rimegepant หรือส่วนประกอบในยา
- ควรระวังเป็นพิเศษในผู้ที่มีปัญหาการทำงานของตับหรือไต เนื่องจากอาจส่งผลต่อการขับยาออกจากร่างกาย
- ผู้ที่มีโรคหลอดเลือด หรือความดันโลหิตสูงที่ควบคุมได้ไม่ดี ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ก่อนใช้
- สำหรับหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดเกี่ยวกับความปลอดภัย จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงและประโยชน์อย่างรอบด้านก่อนเริ่มใช้ยา
การใช้ Rimegepant อย่างเหมาะสมภายใต้คำแนะนำของแพทย์ จะช่วยให้ผู้ป่วยไมเกรนได้รับผลลัพธ์ที่ดีโดยลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงได้อย่างปลอดภัย
การรับรองจาก FDA และแนวทางการใช้ยา
อนุมัติใช้รักษาไมเกรนเฉียบพลันในปี 2020 และใช้ป้องกันไมเกรนในปี 2021
อ้างอิงข้อมูลการอนุมัติจาก FDA
ขนาดยาแนะนำ: 75 มก. ใช้ไม่เกิน 18 เม็ดต่อเดือน
จากประสบการณ์ส่วนตัวสู่แคมเปญระดับโลก: Take Back Today
เมื่อรู้ถึงผลกระทบของไมเกรนที่มีต่อชีวิต Khloé จึงตัดสินใจร่วมมือกับ Biohaven Pharmaceuticals เปิดตัวแคมเปญ Take Back Today เพื่อส่งต่อความหวังและแรงบันดาลใจให้กับผู้ป่วยไมเกรนทั่วโลก
โดยมีเป้าหมายเพื่อ:
- สนับสนุนให้ผู้ป่วยไมเกรน แชร์ประสบการณ์
- เสริมสร้าง ความเข้าใจ และการยอมรับในสังคม
- แนะนำทางเลือกการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละคน
สถิติน่าสนใจจาก National Headache Foundation:
93% ของคนทั่วไป ไม่เข้าใจ ว่าไมเกรนส่งผลกระทบรุนแรงเพียงใด
อ้างอิงจาก National Headache Foundation
ไมเกรนส่งผลต่อผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึง 3 เท่า
ผลกระทบของไมเกรนที่ไม่ควรมองข้าม
รายงานจาก WHO และองค์กรสุขภาพต่าง ๆ พบว่าไมเกรน:
- ❌ ทำให้สูญเสียวันทำงานและลดประสิทธิภาพการเรียน
- ❌ ส่งผลต่อความสัมพันธ์และชีวิตครอบครัว
- ❌ เพิ่มความเสี่ยงโรคซึมเศร้าและความวิตกกังวล
โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงาน 15–49 ปี ไมเกรนถือเป็นสาเหตุหลักที่กระทบคุณภาพชีวิตและก่อให้เกิดภาระทางเศรษฐกิจทั่วโลก
อ้างอิงจาก Global Burden of Disease Study 2019 (The Lancet)
นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่าไมเกรนเป็นสาเหตุอันดับสองของ "ปีสุขภาพที่สูญเสียไปจากความพิการ (YLD: Years Lived with Disability)" ทั่วโลก และเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มผู้หญิงช่วงอายุทำงาน ซึ่งสะท้อนถึงภาระด้านสุขภาพที่มักถูกมองข้ามในระบบบริการสุขภาพสาธารณะ
สรุปจากเสียงจริงของ Khloé
Khloé Kardashian คือเสียงสำคัญที่ช่วยสะท้อนว่าไมเกรน ไม่ใช่แค่ปวดหัว แต่คือภาวะที่รบกวนชีวิตและควรได้รับการรักษาที่เหมาะสม หากคุณกำลังเผชิญไมเกรน อย่ารอให้มันควบคุมชีวิตคุณ ลองปรึกษาแพทย์และค้นหาทางเลือกใหม่ ๆ อย่าง Rimegepant ที่อาจเปลี่ยนชีวิตคุณได้เหมือนกับเธอ